วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การใช้วลีพื้นฐาน

วลีพื้นฐาน

นี่คือภาษาอังกฤษเบื้องต้นบางวลี ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้ในการสนทนาได้ทุกวัน, เช่นเดียวกันกับคำซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดีบางคำที่คุณจะพบได้ในสัญลักษณ์ต่างๆ

yesใช่
noไม่ใช่
maybeบางที/ อาจจะ
pleaseได้โปรด
thanksขอบคุณ
thank youขอบคุณ
thanks very muchขอบคุณมาก
thank you very muchขอบคุณมาก

คำสุภาพบางคำที่คุณจะสามารถนำไปใช้โต้ตอบใครสักคนที่กล่าวคำขอบคุณกับคุณ
you're welcomeไม่เป็นไรค่ะ/ ครับ
don't mention itไม่เป็นไรค่ะ/ ครับ
not at allไม่เป็นไรค่ะ/ ครับ

Saying hello and goodbye - กล่าวคำทักทาย และอำลา

หลากหลายทางเลือกที่จะกล่าวทักทายผู้คน
hiสวัสดี (โดยมากใช้แบบไม่เป็นทางการ)
helloสวัสดี
good morningสวัสดีตอนเช้า (ใช้ก่อนเที่ยง)
good afternoonสวัสดีตอนบ่าย (ใช้ระหว่างเที่ยงถึง 6 โมงเย็น)
good eveningสวัสดีตอนค่ำ (ใช้หลัง 6 โมงเย็น)

ในทางกลับกัน,นี่เป็นอีกหลากหลายคำที่คุณจะสามารถใช้เมื่อจะกล่าวคำอำลา
byeลาก่อน
goodbyeลาก่อน
goodnightราตรีสวัสดิ์
see you!เจอกัน!
see you soon!เจอกันเร็วๆ นี้!
see you later!แล้วพบกันใหม่!
have a nice day!ขอให้เป็นวันที่ดีนะ!
have a good weekend!ขอให้เป็นสุดสัปดาห์ที่ดีนะ!

Getting someone's attention and apologising - การเอาใจใส่ และการขอโทษ

excuse meขอโทษค่ะ/ ครับ (ใช้ในกรณีที่ต้องการหรือเรียกหา, ขอทาง หรือ ขอโทษ)
sorryเสียใจ/ ขอโทษ

หากมีใครสักคนเอ่ยคำขอโทษกับคุณ, คุณสามารถตอบโดยเลือกใช้สำนวนพูดเหล่านี้
no problemไม่มีปัญหา
it's OK or that's OKไม่เป็นไร
don't worry about itอย่ากังวลไปเลย

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

Part of Speech


เรื่องของ ชนิดของคำ (Parts of Speech) ในภาษาอังกฤษ
เรื่องของ
ชนิดของคำ (Parts of Speech) ในภาษาอังกฤษ
ข้อความ ประกอบด้วย"คำ"(word) หรือกลุ่มคำซึ่งนำมาเรียงต่อเนื่องกันเป็นวลี (phrase) หรือประโยค(sentence) จะมีหน้าที่อย่างหนึ่ง อย่างใดใน 8 หน้าที่ ตามหลักไวยากรณ์อังกฤษ ( grammar )

หน้าที่ของคำเรียกว่า "ชนิดของคำ" ( parts of speech ) ซึ่งได้แก่
  • Noun (คำนาม)
  • Pronoun (คำสรรพนาม)
  • Verb (คำกริยา)
  • Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)
  • Adjective (คำคุณศัพท์)
  • Preposition (คำบุพบท)
  • Conjunction (คำสันธาน)
  • Interjection (คำอุทาน)
  1. Noun (คำนาม)
    เป็นคำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่มีรูปร่างเช่น โต๊ะ สมุด และไม่มีรูปร่างเช่น วัน เวลา อากาศ รวมทั้งชื่อของคน สัตว์ หรือสิ่งของ เช่น
    • คน: man father lady
    • สัตว์: dog cat bird
    • สิ่งของ: city table month
    • ชื่อคน: John Mary
    • ชื่อสัตว์: Lassie Lucifer
    • ชื่อสิ่งของ: Bangkok January
  2. Pronoun (คำสรรพนาม)
    เป็นคำที่ใช้เรียกแทนคำนามเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ เช่น I, we, you, he, she, it หรือใช้แทนคำนามที่เราไม่ทราบว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร หรือใคร เช่น someone, something
    • แทนคำซ้ำ Mai is a beautiful woman. Mai is a popular singer. = Mai is a beautiful woman. She is a popular singer.
    • ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร Something is missing. ไม่รู้ว่าอะไรหายไป
  3. Verb (คำกริยา)
    เป็นคำที่บอกอาการหรือการกระทำ ( action ) หรือบอกความเป็นอยู่ ( being ) หรือสภาวะความเป็นอยู่ ( state of being ) เช่น fly, is, am, seem, look.
    • การกระทำ Birds fly. นกบิน
    • ความเป็นอยู่ Danny is a boy. แดนนี่เป็นเด็กผู้ชาย
    • สภาวะความเป็นอยู่ He looks good. เขาแลดูดี
  4. Adjectives (คุณศัพท์)
    เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย noun หรือ pronoun ให้ไดัรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของสิ่งนั้นๆ เพิ่มขึ้น เช่น new, ugly, ill, happy, afraid, careless.
    • He bought a new car. เขาซื้อรถใหม่.( new ขยาย car ซึ่งเป็น noun )
    • They are ugly. พวกเขาน่าเกลียด ( ugly ขยาย they ซึ่งเป็น pronoun )
  5. Adverb (วิเศษณ์ หรือ กริยาวิเศษณ์)
    เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย verb หรือ adjective หรือ adverb ด้วยกันเอง เช่น hard, fast, very
    • He works hard. เขาเป็นคนทำงานหนัก (hard ขยาย works ซึ่งเป็น verb)
    • He is very rich. เขาเป็นคนจนมาก ( very ขยาย rich ซึ่งเป็น adjective )
    • He works very hard.เขาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ( very ขยาย hard ซึ่งเป็น adverb )
  6. Preposition (คำบุพบท)
    เป็นคำ หรือกลุ่มคำที่วางหน้า noun หรือ pronoun เพื่อแสดงว่าคำนามหรือสรรพนามนั้นเกี่ยวข้องกับคำอื่นๆในประโยคอย่างไรเช่น on, at, in, from, within
    • I will see you on Monday. ฉันจะพบกับคุณในวันจันทร์
    • She was waiting at the restaurant. เธอรออยู่ที่ร้านอาหาร
    • There is a cockroach in my room. มีแมลงสาบตัวหนึ่งในห้องฉัน
    • We must finish the project within a year. ราจะต้องทำโครงการนี้ให้เสร็จใน 1 ปี
  7. Conjunction (คำสันธาน)
    เป็นคำที่ใช้เชื่อม คำ กลุ่มคำ หรือประโยคเข้าด้วยกันเพื่อให้ความหมายสมบูรณ์ขึ้น เช่น and, but, therefore, beside, either..or
    • John is rich and handsome .จอห์นเป็นคนรวยและรูปหล่อ
    • Either you or she has to do this job. ไม่คุณก็เธอที่จะต้องทำงานนี้
  8. Interjection (คำอุทาน)
    เป็นคำอุทานที่แสดงถึงอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น โดยไม่เกี่ยวข้องกับคำอื่นๆ ใน ประโยคเลย เช่น Oh God! , WOW, Hurrah

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

การแนะนำตัวเอง

การแนะนําตัวเป็นภาษาอังกฤษ

Non-formal way (ไม่เป็นทางการ) เราอาจจะพูดเพียงแค่คำว่า “Hello” หรือ “Hi” ตามด้วยการแนะนำตัวเอง เช่น “Hi, my name is Jew.” โดยอีกฝ่ายมักจะตอบกลับโดยระบุชื่อเรา เช่น “Hi, Jew. I’m Sarah.” หรือ อาจจะพูดว่า “Hello, Jew! Pleasure to meet you.” ก็ได้ ตามด้วยการเริ่มบทสนทนา โดยอาจเริ่มต้นด้วยการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบต่างๆ เช่น “How are you today?” และอื่นๆ
*หากเราต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ให้เป็นแบบกันเอง โดยไม่อยากที่จะใช้ชื่อจริงคุยกัน ก็อาจจะแนะนำชื่อเล่นของเราไปเลย หรือ อาจจะใช้วิธีการแนะนำชื่อจริงแล้วตามด้วยชื่อเล่นของเราก็ได้ เช่น “Hi, my name is Jew, but you can call me Dek-Eng.” หรือ อาจจะพูดว่า "Hi, my name is Jew, but all my friends all call me Dek-Eng."
Formal way (ทางการ) ในการแนะนำตัวแบบเป็นทางการนั้น เราจะต้องใช้ประโยคทำความรู้จัก แนะนำชื่อ และ ตามด้วยการแนะนำตัวสั้นๆว่าเราเป็นใคร หรือ มาจากไหน
"May I / I'd like to introduce myself. I'm Jew, from Dek-Eng.com."

“Nice to meet you. My name is Jew, from Dek-Eng.com.”

หรือ “My name is Jew, from Dek-Eng.com. Nice to meet you.”
*สำหรับการแนะนำตัวส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบ Formal หรือ Non-formal ก็มักจะควบคู่ไปกับการจับมือทักทายกัน หรือ การทักทายตามวัฒนธรรมต่างๆ เสมอ ซึ่งเพื่อนๆสามารถศึกษาต่อได้ใน ….
ประโยคแนะนำตัวที่เรานิยมใช้กันในชีวิตประจำวัน ได้แก่

(It’s) Nice/Good/Great to meet you.
(It’s) Nice/Good/Great to see you.
(I’m) Pleased to meet you
It’s a pleasure to meet you
(I'm) Delighted to meet you
(I’m) Glad to meet you
(It’s) Nice to meet you / (It’s) Nice meeting you
How do you do?
ประโยคที่ใช้ในการทักทายตอบ ได้แก่

Nice/Good/Great to meet you too.
The pleasure is mine
Pleasure / My pleasure
Likewise
Same here
Same to you
Same
You too (ใช้ตอบประโยคทักทายที่ใช้ It’s…to meet you)
Me too (ใช้ตอบประโยคทักทายที่ใช้ I’m…to meet you)
ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเลือกใช้ประโยคเหล่านี้ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ หรือ ผู้สนทนาด้วย
ส่วนใครที่มีคำถามว่า จะพูดอย่างไรเพื่อกล่าวคำลา สำหรับการกล่าวคำลานั้น เรามักจะเน้นอีกครั้งถึง ความรู้สึกยินดีที่ได้รู้จักกับผู้สนทนา เช่น

It was a pleasure to (meet/have met) you
It was nice meeting you. I look forward to our next meeting.
It was nice to meet you. We’ll be in touch.
Nice meeting you. I hope to see you soon

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

การอ่านเวลา......


การอ่านเวลา สามารถแบ่งออกเป็นสองวิธีด้วยกัน คือ
 
  1. ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง (12-hour clock) เป็นวิธีการบอกเวลาที่นิยมใช้ในภาษาอังกฤษทั่วไป โดยใช้เลข 1 ถึง 12 ตามด้วย a.m. (ante meridiem) หรือ p.m. (post meridiem) ต่อท้าย โดยมีหลักการอ่านดังนี้
 
  • หากเป็นเวลาเต็มชั่วโมง ให้เติมคำว่า “O’clock” ตามหลังเลขชั่วโมงนั้นๆได้ และ หากเราต้องการย้ำถึงเวลา ก็อาจจะเติมคำว่า “sharp” ลงไปด้วย เช่น
 
It’s six O’clock now. = ขณะนี้เป็นเวลาหกนาฬิกา
See you tomorrow at six o’clock sharp = แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ตอนหกโมงตรง
 
  • หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้ว แต่ไม่เกินสามสิบนาที ให้ใช้คำว่า “past” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา เช่น
 
6.10 = Ten (minutes) past six / Six ten
6.15 = A quarter past six / Six fifteen
6.30 = Half past six / Six thirty
 
  • หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมง และเกินสามสิบนาทีมาแล้ว ให้ใช้คำว่า “to” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา เช่น
 
6.45 = A quarter to seven / Six forty-five
6.50 = Ten (minutes) to seven / Six fifty
6.35 = Twenty-five (minutes) to seven / Six thirty-five

 
  • การอ่านเวลาแบบระบุเวลาเช้า เย็น เป็นวิธีที่ง่าย และมีความชัดเจนในการสื่อสาร ซึ่งเป็นที่นิยมเช่นกัน เช่น
4.45 p.m. = four forty-five in the evening
4.00 a.m. = four o’clock in the morning

* หากเป็นเวลาเที่ยงตรงพอดีจะใช้คำว่า “at noon หรือ midday” และหากเป็นเวลาเที่ยงคืนตรง ก็จะใช้คำว่า “at midnight”
 
  1. ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง (24-hour clock) เป็นวิธีการบอกเวลาที่ใช้ในหมู่ทหาร หรือ ในการประชุมทางการต่างๆ เพื่อป้องกันการสับสนในการบอกเวลา โดยใช้เลข 1 ถึง 23 และ เลข 00 ในเวลาเที่ยงคืน และไม่มี a.m. / p.m. ตามหลัง โดยมีวิธีการอ่านเวลาที่ต่างไปจากการอ่านเวลาทั่วไป เช่น
 
20.00 = twenty hundred
03.05 = oh three oh five / zero three zero five
00.35 = midnight thirty-five

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

มาฝึกอ่านวันทั้ง7 กันเร้ววววว....

     คำศัพท์ภาษาอังกฤษ วันทั้ง 7 พร้อมคำอ่านและคำแปล เพื่อนำไปฝึกปรือ โดยการอ่านบ่อยๆ ทุกวัน อ่านให้คล่องแคล่วคล้ายท่องสูตรคูณเลยก็ได้......
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ วันทั้ง 7
ที่คำศัพท์คำอ่านคำแปล
1Sundayซั๊นเดวันอาทิตย์
2Mondayมั๊นเดวันจันทร์
3Tuesdayทิ๊วสเดวันอังคาร
4Wednesdayเว็นสเดวันพุธ
5Thursdayเธิ๊สเดวันพฤหัสบดี
6Fridayไฟร๊เดวันศุกร์
7Saturdayแซ๊ททะเดวันเสาร์

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

 






หญิงแม้รูปชั่ว แต่จริยาวัตรทำให้งดงามได้ ชายแม้รูปทราม วิชาติดตัวก็ส่งให้เจริญรุ่งเรืองได้

Even a wicked woman. But the beauty is Hriyawantr.
Even the evil man. Take a course, it's thriving

เดือน ภาษาอังกฤษมีอะไร...บ้างน๊าาาา...

                                                     

                                                                เดือนทั้ง 12   ( Month )
                                                               

                                                                 มกราคม           January
                                                                 กุมภาพันธ์        February
                                                                 มีนาคม             March
                                                                 เมษายน           April
                                                                 พฤษภาคม       May
                                                                 มิถุนายน          June
                                                                 กรกฎาคม        July
                                                                 สิงหาคม         August
                                                                 กันยายน         September
                                                                 ตุลาคม           October
                                                                 พฤศจิกายน    November
                                                                 ธันวาคม         December